
ผ่าจ้าน
ผ่าจ้าน ใช้สำหรับแยกคนตายและคนเป็น เรียกว่า"ผ่าจ้านผี" หรือ “ตัดสายผัวสายเมีย” คือพิธีกรรมเกี่ยวกับศพของทางล้านนา ซึ่งช่วยในการจัดระเบียบความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างคนเป็นกับคนตาย หลังจากที่ฝ่ายสามีหรือภรรยาประกอบพิธีกรรมตัดสายผัวเมียแล้ว ถือว่าตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง นับเป็นอันสิ้นสุดสำหรับชีวิตคู่ คนที่ตายไปก็ไม่ห่วงอาลัยคนที่มีชีวิตอยู่ ส่วนคนที่มีชีวิตอยู่ก็ได้ "ตัดใจ" ไปพร้อมกับการ "ตัดฝ้ายสายสิญจน์" ยอมรับสภาวะความจริงของการจากลาและเพียรสร้างบุญบารมีของตนในภพนี้ต่อไป
บางคนก็ใช้เป็นพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ทำให้เลิกร้างกัน เกลียดกัน แยกจากกัน ตัดสวาทแยกมือที่สามออกจากคนรักของตน โดยวิชาทำให้เกลียด มีหลายสายวิชามาก อาจารย์บางท่านอาจจะมีทั้งการฝังหุ่น หรือการฝังรูปฝังรอยในการประกอบพิธีด้วย
-
ผีม้าบ้อง
เชื่อกันว่า ผีม้าบ้องนี้เกิดจากม้าตัวหนึ่งที่ตายไปแล้ว ซึ่งที่มาของความเฮี้ยนนั้นมาจากการที่ก่อนที่ม้าตัวนี้จะตายนั้นตอนเล็กๆ เจ้าของได้เลี้ยงม้าไว้คู่หนึ่ง เวลาใดที่เจ้าของจะเดินทางก็จะต้องเอาม้าคู่นี้ไปด้วยจึงเกิดเป็นความรักความผูกพันธ์มากขึ้น แต่อยู่มาวันหนึ่ง ม้าตัวหนึ่งเกิดล้มเจ็บไม่สามารถออกเดินทางไปกับเจ้าของได้ เจ้าของก็เลยทิ้งม้าตัวนี้ไว้ และนำอีกตัวหนึ่งไป ส่วนม้าตัวที่ล้มเจ็บนั้นก็นอนรอเพื่อนของมัน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเพื่อนของมันจะกลับมาหามันอีก ในที่สุดมันก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจนกระทั่งมันได้ตายไป เมื่อตายไปแล้ววิญญาณของม้าก็ยังทว่ายังมีความห่วงหาอาลัยถึงคู่ของมันอยู่ นั่นทำให้เมื่อถึงเวลากลางคืนม้าตัวนี้จะออกวิ่งเที่ยวหาคู่ของมัน เมื่อถึงเวลากลางคืนวิญญาณเฮี้ยนของม้าตัวนี้จะออกวิ่งไปตามที่ต่างๆ เพื่อตามหาคู่ของมัน
-
ผีโพง
เมื่อถึงหน้าฝน ฝนจะตกหนัก เมื่อน้ำนองเต็มท้องนาก็มีกบมีเขียดออกมาอยู่ตามที่มีน้ำ พอถึงเวลากลางคืน ตอนดึกๆ จะเห็นแสงไฟริบหรี่ๆ แดงๆ อยู่กลางทุ่งนั้นคือผีโพง มันออกหากินกบกินเขียด ผีโพงนั้นกลัวคน ไม่สู้หน้าคน เมื่อเราส่องดูมัน เราไม่เห็นว่ามันเป็นคนหรือว่ามันเป็นอะไร จะเห็นแต่แสงไฟ ถ้าดูไม่ดีจะเห็นแต่แสงเขียวเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวดับ
คนที่เป็นผีโพงจะมีจะเหลืองซีด จมูกแดงขนาดผิดมนุษย์ ขนตาสั้น เวลาที่มันออกไปหากินมันก็ไม่รู้ตัว เขาว่าผีจะเข้าสิงมัน มันชอบกินของที่คาวๆ เมื่อมันจะกินกบกินเขียดมันก็จะจับขึ้นมาแล้วก็ดูดกินเลือดหรือเลียกินเมือกของกบเขียดแล้วก็ทิ้งซากมันไว้ ว่ากันว่าถ้าเห็นผีโพงห้ามส่งเสียงดัง ไม่อย่างนั้นมันจะเอาก้านกล้วยขว้างข้ามหลังคาบ้านเรา ทำให้เราเกิดอาการป่วยไข้ได้
-
ผีโป๊กกะโหล้ง
เป็นผีป่าที่มีหน้าตาประหลาดมาก บางตัวมีตาเดียว ขาเดียว สองแขน วิ่งได้ไวมาก อาศัยในป่าเขาหรือทุ่งนา ส่งเสียงร้อง โป๊กกะโหล้งๆๆเคยมีคนเห็นผีโป๊กกะโหล้ง ในขณะที่นอนเฝ้าห้างโต้ง(กระต๊อบกลางทุ่งนา) ผีโป๊กกะโหล้งสามารถแปลงกายได้และบางตัวจะมีพิณเปี๊ยะ มีเรื่องเล่าสืบๆกันมานาน มีครอบครัวหนึ่งอยู่กันสองแม่ลูก เมื่อถึงฤดูทำนาแม่ใช้ลูกสาวไปนอนเฝ้านา ในคืนหนึ่งขณะที่นางอยู่ที่ห้างนานั้น นางได้ยินเสียงคนดีดเปี๊ยะมาแต่ไกล พอเสียงนั้นเข้ามาใกล้ นางแทบช็อคเพราะคนที่ดิดเปี๊ยะเป็นคนแก่หน้าตาน่าเกลียดผมยาวรุงรัง ในขณะที่นางตลึงอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงถามจากผีตนนั้น หญิงสาวก็แข็งใจพูดตอบโต้ไป ชายชราได้ยินหญิงสาวตอบด้วยถ้อยคำที่อ่อนหวานสุภาพก็พอใจ จึงเดินดีดเปี๊ยะหายไปในป่า พอรุ่งเช้าหญิงสาวตื่นขึ้นมา ก็พบไหใบหนึ่งอยู่ในห้างมีเงินและทองอยู่มากมาย
ความเชื่อเรื่องผี
ไสยศาสตร์
ชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆในทางภาคเหนือจะมีหมอผีประจำหมู่บ้าน หมอผีนั้นๆเป็นผู้กำหนดและประกอบพิธีกรรมต่างๆของหมู่บ้านเป็นที่นับหน้าถือตา ทางภาคเหนือมีการใช้ภาษาล้านนากันอย่างแพร่หลาย จึงมีการศึกษาและใช้ไสยศาสตร์กันทั่วไป
-
ยาสั่ง ยาสั่งส่วนใหญ่มาจากพิษวัตถุ พืชและสัตว์ ปรุงด้วยวิธีต่างๆ มีฤทธิ์เพื่อเอาชีวิตผู้ถูกกระทำ จะให้ความรุนแรงแตกต่างกันตามใจผู้กระทำเช่น พิกลพิการ ทรมานแสนสาหัส หรือถึงแก่ความตายในไม่กี่วินาที
-
เลี้ยงผีกะ ผีกะเป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ผีพวกนี้จะมีลักษณะคล้ายผีปอบ คือเข้าสิงในคน และชอบกินของสดของคาว คนที่เลี้ยงผีกะ เป็นคนที่มีวิชาอาคม เล่นคุณเล่นของ ผีกะจะถูกเลี้ยงไว้ในหม้อดิน โดยมีผ้ายันต์สีขาวปิดปากหม้อไว้ โดยจะวางไว้บนเพดานบ้าน เจ้าของจะเซ่นผีกะด้วยไข่ดิบวันละฟอง
สักยันต์
มีความเชื่อเรื่องการสักยันต์มาแต่โบราณ ว่าเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ สร้างความเชื่อมั่น และความศรัทธา ทำให้จิตใจมีความเข้มแข็ง ยันต์บางลายมีความหมายในด้านเมตตามหานิยม ป้องกันภูตผีปีศาจ กันและแก้คุณไสย บางลายเป็นตบะเดชะ มีอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน คุ้มครองให้ปลอดภัย ป้องกันศาสตราวุธทั้งหลาย เป็นต้น
การสักจึงต่างจากการสักทั่วไปที่มุ่งเน้นเรื่องความสวยงามหรือเพื่อเป็นศิลปะ แต่มีวัตถุประสงค์หลักในเรื่องของความเชื่อทางไสยศาสตร์ ขณะทำพิธีการสัก จะมีการอัญเชิญครูบาอาจารย์มาคุ้มครองรักษา ผู้สักจึงต้องมีความเคารพเชื่อฟัง มีคุณธรรมประจำใจ ต้องระลึกถึงทุกครั้งว่าตนมีครูบาอาจารย์ประจำกายอยู่